วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

High School Recommend (Colorado and Florida)

High School in Colorado,USA

รัฐโคโลราโด (Colorado) เป็นรัฐทางตอนกลางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โคโลราโดเป็นรัฐที่อยู่ในเขตเทือกเขาร็อกกีซึ่งครอบคลุมราวๆครึ่งหนึ่งของรัฐทางฝั่งตะวันตก ในขณะที่ฝั่งตะวันออกของรัฐเป็นที่ราบ ซึ่งมี Danver เป็นเมืองหลวง ในวันนี้เราก็ะมาแนะนำโรงเรียนในเมืองหลวงนี้กันค่ะ


Denver Public  Schools

      ที่โรงเรียนแห่งนี้มุ่งมั่นที่ะเป็นผู้นำในด้านความสำเร็ของผู้เรียน และพร้อมสำหรับการสอบวัดผลในระดับวิทยาลัย รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อประกอบอาชีพในอนาคต โดยที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ากอาารย์ที่มีความสามารถมากมายที่โรงเรียนแห่งนี้






 ที่นี่มีการเรียนภาษาต่างประเทศได้แก่ภาษา อราบิก จีนแมนดาริน ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน ญี่ปุ่น ลาโกต้า (Lakota: ภาษาพื้นเมืองของชนพื้นเมืองอเมริกัน) รัสเซีย รวมถึงภาษาสเปนอีกด้วย

 

 ส่วนในเรื่องของกีฬาที่นี้ก็มีให้ได้เล่นกันมากมายอย่างเช่น ฟุตบอล เทนนิส ว่ายน้ำ เบสบอล กอล์ฟ ลาครอส และการเชียร์ เป็นต้น



 กิจกรรมหรือชมรมพิเศษต่างก็มีให้เราได้เลือกเข้าร่วม อย่าง ชมรมการแสดง ภาพยนตร์ ออเคสตรา โยคะ และยังมีโครงการเรียนล่วงหน้าจ (AP) สำหรับนักเรียนที่เรียนดี อย่างวิชา วรรณกรรมอังกฤษและการประพันธ์ ประวัติศาสตร์ประเทศยุโรป  แคลคลูลัส และวิชาอื่นๆอีกมากมาย ให้ได้เก็บหน่วยกิตก่อนที่ะเข้ามหาวิทยาลัย




นอกากนี้ทางโรงเรียนเองยังให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารกับนักเรียนโดยมีการเรียนการสอนและให้ความรู้เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงส่งเสริมให้นักเรียนปลูกผักเผื่อรับประทานเองอีกด้วย

School Website: http://www.dpsk12.org/


*********************************************************************************

High School in Florida,USA

ฟลอริดา (Florida) เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันในนาม ซันไชน์สเตต (Sunshine State) มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหลมตั้งอยู่ระหว่าง อ่าวเม็กซิโกมหาสมุทรแอตแลนติก และช่องแคบฟลอริดา คำว่า "ฟลอริดา" เป็นภาษาสเปนซึ่งหมายถึง "ที่ซึ่งอุดมไปด้วยดอกไม้" 


โรงเรียนแห่งแรกที่เราจะมานำเสนอกันก็คือ>>>>>>>>>>>>

Brevard  Public School




ที่โรงเรียนนี้มีนักเรียนประมาณ 950-2,800 คน เท่ากับว่ามีจำนวนอาจารย์ต่อนักเรียนเป็น 1:17 มีการเรียนภาษาต่างประเทศได้แก่ภาษา ฝรั่งเศส เยอรมัน ละตินและภาษาสเปน



ที่โรงเรียนแห่งยังมี Advanced Placement Courses (AP) ให้ได้เรียนกันหลายวิชา อย่างเช่น ศิลปะ แคลคูลัส เคมี ดนตรี สถิติ ประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ เป็นต้น


กีฬาและกิกรรมของที่นี่ก็จะมีให้เลือกได้ตามความสนใอย่าง
เช่น กีฬาเบสบอล ลาครอส เทนนิส กอล์ฟ บาสเก็ตบอล และมีชมรมที่น่าสนใจอย่างชมรมโต้วาที ชมรมคาราเต้ ชมรมศิลปะ และชมรมถ่ายภาพ







โรงเรียนแห่งที่ 2 ที่เราจะนำเสนอนั้นมีชื่อว่าาาา

Indian River Charter High School


โรงเรียนนีเป็นโรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียนจำนวนนักเรียนประมาณ 650 คน ตั้งอยู่ใกล้กับชายหาดฟลอริด้า มีจำนวนอาารยต่อนักเรียน 1:20 คน


โรงเรียนแห่งนี้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับหลักสูตรศิลปะและการแสดง โดยหลักสูตรนี้จะให้ผู้เรียนได้ค้นหาพรสวรรค์ของตัวจากงานศิลปะ เปิดสอนอยู่ 6 อย่างคือ เต้น ละคร การร้องเพลง ดนตรี visual art และการเขียนเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงกาารเรียนกอล์ฟซึ่งซึ่งโรงเรียนนี้ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพหรือทักษะของผู้เรียนมารยาทในการเล่น และเรีนรู้ประวัติของกอล์ฟ






นอกากนี้ยังมีการสอนภาษาต่างประเทศอย่างภาษา สเปน ฝรั่งเศส และ
จีนแมนดารินอีกด้วย

School Website: http://irchs.org/

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตะลุยเมือง Buffalo

    หลังจากที่เราได้นำเสนอโรงเรียนในเมือง Buffalo ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนในโครงการของเราถึง 3 โรงเรียนด้วยกันไปแล้ว  วันนี้นะคะทาง ThEX ของเราจะพาทุกคนมารู้จักกับเมือง Buffalo ให้มากขึ้นไปอีก>>>>>>ไปกันเลยค่า>>>>>>>>>>



บัฟฟาโล (Buffalo) เป็นเมืองในสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ในรัฐนิวยอร์ก อยู่ติดกับทะเลสาบอีรีและแม่น้ำไนแอการา บัฟฟาโลมีประชากร 292,648 คน (สัมมโน 2543) บัฟฟาโลเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับสองในรัฐรองลงมาจากนครนิวยอร์ก 
        
       **บัฟฟาโลบิลส์เป็นทีมกีฬาที่มีชื่อเสียงในเมืองโดยมีสนามเหย้าอยู่ที่สนามกีฬาราล์ฟวิลสัน นอกจากนี้บัฟฟาโลได้รับเป็นเจ้าภาพจัดงานกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 17 ในปี พ.ศ. 2536               

       **ปีกไก่ทอดบัฟฟาโลวิงส์โดยมีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้ ที่ร้าน Anchor Bar
     
       **เมืองนี้มีชื่อเสียงโดดเด่นเรื่องอเมริกันฟุตบอล แถมยังแข่งขันภายใต้หิมะที่ตกหนัก และมีกองหิมะสูงเต็มสนามกีฬาได้อีกด้วย บัฟฟาโลมีวันที่อุณหภูมิอยู่ที่ 0 เพียงแค่ 3 - 4 วันต่อปี 

ต่อไปนะคะเราก็จะมาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้กัน เริ่มจากที่แรกเลยนะคะ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้จักกันอยู่แล้ว นั่นก็คือ "น้ำตก Niagara" 




      น้ำตกไนแองการ่าตั้งอยู่ระหว่างเขตอเมริกาและเขตแคนาดา โดยมีจุดชมวิวอยู่ 2 จุด จุดแรกเรียกว่า อเมริกัน ฟอล (American Falls) เป็นบริเวณที่อยู่ติดกับด้านของอเมริกา ส่วนอีกด้านเรียก ฮอสชู (Horseshoe) หรือ เกือกม้า เพราะว่ามีส่วนเว้าโค้งเหมือนเกือกม้านั่นเอง อยู่ติดกับด้านแคนาดา  ถ้าอยากได้ภาพสวยๆต้องไปถ่ายที่ฝั่งแคนาดาค่ะ เพราะที่นี่จะมองเห็นเป็นผืนน้ำตกขนาดใหญ่มหึมา






      ส่วนไฮไลท์ของงานนี้อยู่ที่การนั่งเรือไปชมน้ำตกไนแองการ่าอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าถ้าใครไม่ได้นั่งเรือไปชมไนแองการ่าถือว่ายังมาไม่ถึงค่ะ ไหนๆก็มาแล้ว เลยต้องเบียดเสียดกับฝูงชนมากมายและการเข้าคิวรอเรือน้อยคอยรัก ชื่อของทัวร์ล่องเรือก็เก๋ไก๋ดีค่ะ เรียกว่า Maid of the Mist หรือ เงือกน้อยในสายหมอก ราคาทัวร์ล่องเรือ สำหรับผู้ใหญ่ก็ประมาณ 33 ดอล สำหรับเด็กๆก็ประมาณ 26 ดอลค่ะ เมื่อมาถึงคิวแล้ว ทุกคนก็จะได้รับแจกของ คล้ายเสื้อกันฝนสีฟ้า เอาไว้ใส่ป้องกันละอองน้ำที่จะกระเซ็นมาโดนตัวค่ะ 


      เที่ยวชมไนแองกาล่าตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ คือเค้าจะเปิดไฟสีสันสวยงามส่องไปที่น้ำตก ตัดกับแสงไฟหรือแสงนีออนจากตึกสูงและหอคอยต่างๆรอบบริเวณน้ำตก ทั้งสองฟากฝั่งอเมริกาและแคนนาดา ถ้าอยากมาที่นี่ ขอแนะนำให้มาช่วงหน้าร้อนนะค่ะ เพราะช่วงนี้น้ำจะเยอะ และจะมีทัวร์พาล่องเรือเพื่อเข้าไปชมน้ำตกไนแองการ่าด้วย ส่วนหน้าหนาว ทัวร์ล่องเรือจะไม่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวค่ะ 


ที่เมือง Buffalo นะคะก็มีร้านอาหารขึ้นชื่อมากๆอยู่ร้านหนึ่ง ถือเป็นต้นกำเนิดของอาหารสุดฮิตอย่าง "Buffalo Wings" ซึ่งร้านนั่นก็คืออออออ ร้าน Anchor Bar 



ร้านแห่งนี้ตั้งอยู่ที่  1047 Main Street  Buffalo, New York เป็นร้านอาหารสไตล์ Italian American และยังมีเมนูอาหารสำหรับเด็กให้อีกด้วย สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้า ไปดูได้ที่เวปไซต์ของทางร้านได้ที่นี่คะ  http://www.anchorbar.com/ 



       นอกจาก น้ำตกไนแอการ่าและร้าน Anchor Bar แล้วเมืองบัฟฟาโลยังมีที่เที่ยวอีกแห่งหนึ่งซึ่งหลายคนคิดไม่ถึง นั่นก็คือ Downtown Buffalo หรือย่านใจกลางเมืองของบัฟฟาโล และเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับทะเลสาบ Erie ซึ่งเป็น1 ใน 5 ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเหนือ ได้แก่ Superior, Huron, Ontario, Michigan, Erie (มีวิธีจำง่าย ๆ ว่า HOMES โดยทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุด คือ Superior ส่วนเล็กที่สุด คือ Erie ค่ะ)  เนื่องจากเป็นเมืองที่อยู่ติดกับทะเลสาบอีรี่และมีเขตแดนติดกับประเทศแคนาดา  บัฟฟาโลจึงเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าและแรงงาน รวมถึงเป็นย่านธุรกิจในระยะแรกเริ่ม แม้ว่าในปัจจุบัน ดาวน์ทาวน์บัฟฟาโลจะไม่ได้เป็นเมืองที่คึกคัก ไม่ใช่เมืองที่เป็นศูนย์กลางการค้าเช่นแต่ก่อน  แต่ดาวน์ทาวน์บัฟฟาโลก็ยังคงได้ชื่อว่า เป็น “พิพิธภัณฑ์ทางสถาปัตยกรรม” ที่มีชีวิตอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอาคารต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นในเมืองแห่งนี้ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชั้นนำของสหรัฐและระดับโลกและมีอาคารหลายแห่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วย 
        การเดินทางไปยังดาวน์ทาวน์บัฟฟาโลสามารถทำได้หลายทางด้วยกัน
ถ้ามีรถ ทางที่ไปง่ายที่สุดก็คือ ขับตรงไปเรื่อย ๆ ตาม Main Street แล้วเลี้ยวเข้า Elmwood Avenue
แต่ถ้าไม่มีรถ บริการรถโดยสารสาธารณะก็เป็นทางเลือกที่ดี และสนุกดีเหมือนกัน  เพราะระบบขนส่งทางรางของบัฟฟาโลให้อารมณ์มุดใต้ดินก่อนขึ้นเห็นแสงตะวันแบบที่ซานฟรานซิสโกเลยละเพียงแต่สภาพรถและเส้นทางที่อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่า แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ สำหรับเส้นทางการเดินรถของ Buffalo Metro Rail หรือระบบรถรางไฟฟ้าของบัฟฟาโลมีสถานีต้นทาง คือ University


      เมโทรของบัฟฟาโลให้อารมณ์เดียวกับซานฟรานซิสโกตรงที่ผ่านทั้งใต้และบนดิน
ส่วนของสถานี University จนถึงสถานี Allen จะอยู่ใต้ดิน เริ่มขึ้นวิ่งบนดินที่สถานี Theater กลางเมือง
แล้วก็ไปลงสถานีสุดท้ายปลายทางที่ Erie Canal Harbor (จริง ๆ มีปลายสุดอีกที่ แต่เปิดเฉพาะเทศกาล)



 
เส้นทางการเดินรถของ Buffalo Metro Rail


 สำหรับตั๋วที่คุ้มที่สุดสำหรับซื้อเที่ยวดาวน์ทาวน์ คือ ตั๋ว Round Trip ราคา 3 เหรียญขึ้นลงได้ทุกสถานีทั้งวันค่ะ
HSBC Arena

     ทางขวามือของสถานี จะเป็น HSBC Arena เป็นสนามกีฬาในร่มขนาดใหญ่ เปิดใช้ในปี 1996
และเป็นสนามหลักของทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งประจำเมืองบัฟฟาโล คือ Buffalo Sabres ช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาสำคัญที่ฮิตกันมาก ๆ อย่างฮ็อกกี้นำแข็ง อเมริกันฟุตบอล ร้านปีกไก่จะคึกคักมาก เพราะคนที่ไม่ไปสนามจะเข้าไปนั่งแทะปีกไก่ทอดราดซอสเผ็ด ๆ หวาน ๆ แกล้มแซลเลอรีกับแครอทจิ้มดิปปิ้งตามร้านพร้อม ๆ กับเชียร์ทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งทีมโปรดไปด้วย... (วิงส์ถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของบัฟฟาโลค่ะ)
 


      ทางซ้ายมือของสถานี Erie Canal Harbor คือ ส่วนที่เรียกว่า WATERFRONT
เนื่องจากอยู่ติดกับทะเลสาบอีรี่ และบริเวณคลองที่ขุดต่อมาจากทะเลสาย คือ Erie Canal
บริเวณนี้มีสถานที่ให้เดินเที่ยวเพลิน ๆ หลายจุดอยู่เหมือนกัน โดยจุดแรกที่เจอเมื่อเดินจากสถานีเมโทร
คือ อนุสรณ์สถานสงครามเกาหลี หรือ
Korean War Memorial และพิพิธภัณฑ์ด้านยุทธนาวี หรือ
Buffalo and Erie County Naval and Military Park

Korean War Memorial
 ในส่วนของ Military Park นี้ เป็นสถานที่ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะมีการเอาเรือรบที่ปลดระวางแล้ว คือ USS. Sullivans,  USS. Little Rock  และ USS. Croaker ซึ่งลำหลังเป็นเรือดำน้ำมาเป็นพิพิธภัณฑ์
แต่การเข้าชมต้องเสียค่าผ่านประตูนะคะ สำหรับผู้ใหญ่คิดค่าเข้าชม 8 เหรียญ


Buffalo and Erie County Naval and Military Park บางครั้งก็เรียก Naval and Serviceman Park
      จาก Military Park เดินต่อไปอีกหน่อย ก็จะมีทางเดินเลียบไปตามคลองขุดและทะเลสาบ
เดินต่อไปสักพักก็จะเห็นประภาคาร
Buffalo Main Light ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำ Buffalo และ Erie Canal

      ประภาคารนี้มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า “Chinaman’s Light” เพราะมีรูปร่างคล้ายคนจีนสวมหมวก
เป็นอาคารที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1833 ทำจาก Queenston Limestone และเป็นประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่มีอยู่ในบริเวณทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเหนือ


Buffalo Main Light



     เดินย้อนกลับออกมาจากฟากทะเลสาบ ไปยังจุดขึ้นรถบัสไปดาวน์ทาวน์ ก็เจอกับป้ายบอกทางไป the Irish Famine Memorial ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมคลอง Erie Canal เป็นอนุสรณ์สถานของชาวไอริชที่หนีภัยความอดอยากในช่วงปี 1840 เข้ามาหางานทำในสหรัฐอเมริกา โดยส่วนหนึ่งได้มาขึ้นฝั่งและทำงานที่ท่าเรือย่านนี้ ซึ่งในเมืองบัฟฟาโลปัจจุบันก็มีคนเชื้อสายไอริชอยู่มากและทุกเดือนมีนาคมก็จะมีการจัดงานฉลองวันเซนต์แพทริคกันด้วย

The Irish Famine Memorial
 จากทะเลสาบ คราวนี้ เราเข้าไปเดินเล่นในตัวเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ด้านสถาปัตยกรรม กันบ้าง
ขึ้นเมโทรจากปลายทางที่อีรี่ฮาร์เบอร์ย้อนกลับมาลงที่ Church Station เพราะอยู่หน้าโบสถ์เซนต์พอลพอดี และในบริเวณใกล้เคียงกับสถานีแห่งนี้ ก็มีโบสถ์สำคัญ และมีอาคารที่มีสถาปัตยกรรมน่าสนใจหลายแห่ง เช่น


 St. Paul’s Episcopal Cathedral

เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Gothic Revival สร้างขึ้นจากหินทราย ออกแบบโดย Richard Upjohn
สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1851 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น
Buffalo Landmark
National Historic Landmark และ
National Register of Historic Places


St. Paul's Episcopal Cathedral, Shelton Square, Buffalo, NY

 จากโบสถ์เซนต์พอล เดินตามถนนแฟรงคลินมาอีกไม่ไกล ก็จะเจอกับอาคารแบบ Gothic Revival อีกแห่ง คือ โบสถ์ St. Joseph’s Cathedral สร้างจาก Limestone ออกแบบโดย Patrick C. Keeley
ใช้เวลาสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1851-1855 ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น
Buffalo Landmark และอยู่ใน Joseph Ellicott Historic Preservation District ค่ะ



St Joseph's Cathedral, Franklin Street, Buffalo, NY
      จากถนนแฟรงคลิน เดินมาทางขวามืออีกหน่อย ก็จะเจอกับจุดที่เรียกว่า Lafayette Square
ซึ่งเป็นจัตุรัสกลางเมืองโดยชื่อของจัตุรัสนี้มาจากชื่อของนายพล Lafayette สมัยสงครามกลางเมือง ตรงกลางของจัตุรัส มีอนุสาวรีย์เรียกว่า Civil War Monument หรือ Soldiers and Sailors Monument อยู่เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างอุทิศให้ทหารผ่านศึกใน Civil War สร้างเสร็จในปี 1883
รูปปั้นผู้หญิงบนยอดเสาแกะสลักจากหิน ส่วนรูปปั้นทหารผ่านศึกรอบอนุสาวรีย์ทำจากทองแดง
ที่เห็นรูปทหารเป็นสีเขียว ๆ ก็เนื่องจากทองแดงทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศทำให้เปลี่ยนสีไป
(สาเหตุที่อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพเป็นสีเขียว ๆ ก็ด้วยสาเหตุเดียวกัน เพราะเธอก็ถูกทำขึ้นจากแผ่นทองแดงค่ะ)


Civil War Monument
  
Niagara Square
          บัฟฟาโลยังมีอีกจัตุรัสหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมาก นั่นคือ Niagara Square ค่ะ (ที่จริงถ้ามองตามกายภาพแล้ว จุดนี้น่าจะเรียกว่า ‘วงเวียน’ มากกว่า ‘จัตุรัส’ เพราะเป็นวงกลม) เป็นศูนย์กลางของถนนสี่สาย คือ Delaware Avenue, Court Street, Genesee Street, and Niagara Street ถ้ามองจากทาง Court Street ตรงไปทาง Niagara Square เราก็จะสามารถมองเห็นสถาปัตยกรรมที่เรียกได้ว่า
เป็นสัญลักษณ์ของเมืองบัฟฟาโลได้พร้อมกันถึงสองแห่ง คือ อนุสาวรีย์แมคคินเลย์ และ ที่ทำการเทศบาลเมือง (Niagara Square ส่วนที่เป็นเสาตรงกลาง คือ อนุสาวรีย์แมคคินเลย์ ถัดไปด้านหลังคือที่ทำการเทศบาลเมือง)


McKinley Monument

     McKinley Monument เป็นเสาโอเบลิสก์มีรูปสลักสิงโตหมอบทำด้วยหินอ่อนที่ฐาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดี William McKinley ระหว่างการประชุม Pan-America Exposition ปี 1901 สถาปนิกผู้ออกแบบก่อสร้าง คือ Carrere และ Hastings ประติมากรรมรูปสิงโตสร้างโดย A. Phimister Procter สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1904

ต่อมาเราก็จะลงที่ สถานี Delavan/Canisius College ซึ่งเป็นสถานีที่มีการตกแต่งสวยที่สุดในบรรดาทุกสถานี สถานีอื่น ๆ จะตกแต่งแบบเรียบ ๆ ผนังเป็นสีขาว ๆ ธรรมดา แต่สถานีนี้กรุกระเบื้องสีที่ผนังเป็นลายแบบนี้ค่ะ 

Delavan/Canisius College station


     ถ้าออกจากสถานีเดลาแวน ข้าม Main Street ไปอีกฟากหนึ่งก็จะเป็น Elmwood Avenue ซึ่งถนนสายนี้เป็นถนนสายที่มีร้านหนังสือ ร้านขายงานศิลปะ และมีการจัดเทศกาลศิลปะเป็นประจำและถ้าเลยไปอีกหน่อย แล้วเลี้ยวเข้าไปที่ถนนเดลาแวร์กับลินคอล์นพาร์คเวย์ก็จะเจอ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Albright-Knox Gallery (ค่าเข้าชม นักศึกษา 7 เหรียญ บุคคลธรรมดา 11 เหรียญ)
Albright-Knox Gallery

นี่ก็เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวส่วนหนึ่งของเมือง Buffalo แต่ที่เมืองแห่งนี้ยังมีสถานที่สวยๆบรรยากาศดีๆอีกมากมายที่รอให้เราได้ไปสัมผัสกันอยู๋ และหวังว่าสถานที่เที่ยวเหล่านี้อาะเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการมาศึกษาต่อหรือมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศสหรัฐอเมริกากันนะคะ


Cr. : http://th.wikipedia.org/wiki/บัฟฟาโล
     : http://www.dek-d.com/studyabroad/33791/
     : http://tripgoalamerica.blogspot.com/2012/08/niagara-falls.html
     : http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2009/08/W8237781/W8237781.html



วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

High School Recommend (California,USA)

                    High School in California,USA

          รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิก มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่เป็นอันดับสามในสหรัฐฯ อักษรย่อของที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐคือ CA มีชื่อเล่นว่า "The Golden State" ซึ่งมีที่มาจากทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นสีทองในฤดูแล้ง และวันนี้นะคะเราก็จะมาแนะนำโรงเรียนในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึงเป็นโรงเรียนในโครงการของเรากันค่ะ>>>>



Las Virgenes Unified School District


เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งอยู่ในเขต Calabasas เมือง California ของรัNew York 

\

ที่โรงเรียนแห่งนี้มีการสอนภาษาต่างประเทศให้นักเรียนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส รวมไปถึงภาษาจีนด้วย


นอจากการเรียนแล้วก็ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้นักเรียนได้เลือกทำ เลือกเรียนตามความสนใได้อีกด้วย เช่น การเรียนแฟชั่นดีไซน์ การเรียนว่ายน้ำ การเรียนเต้น โปโลน้ำ ลาครอส ฯลฯ

*****Calabasas เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์เมืองหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของหุบเขา San Fernando และเทือกเขา Santa Monica

School Websitewww.lvusd.org





Los Angeles Unified School District

"ผู้เรียนวันนี้คือผู้นำในวันหน้า" (Today's Learners,Tomorrow's Leaders) คือ คติพน์ประจำโรงเรียน


                                       
เนื่องจาก  LA เป็นเขตที่ใหญ่ที่สุดใน California เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย จึงทำให้นักเรียนไม่ได้เรียนรู้และใช้แต่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังใช้ภาษาสเปน และภาษาอื่นๆในการสื่อสารที่โรงเรียนอีกด้วย





นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความสนใ ตามความถนัด อีกมากมาย เช่น การเรียนภาษาญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส วงดนตรีแจ๊ส วงดนตรออเคสตร้า แฟชั่นดีไซน์ รวมไปถึงกีฬาหลากหลายชนิดอีกด้วย




โรงเรียนแห่งนี้มีจำนวนนักเรียนประมาณ 500-3,300 คน หรือจัดเป็นอัตราส่วนครูต่อนักเรียน 1:25 คน

School Websitewww.lausd.net


San Luis Coastal Unified School District

โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ในเมือง San Luis Obispo เน้นให้ความสำคัญกับการศึกษาของเด็ก เพื่อให้เด็กนั้นมีความมั่นใจในตนเอง สามารถเลี้ยงตนเอง และ ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้ อย่างไรก็ตามก็ยังคงให้เด็กตระหนักถึงความรู้  ความคิด และ อารมณ์ของพวกเขาเองเป็นสำคัญด้วย 





ภาษาที่นักเรียนจะได้เรียนในโรงเรียนนี้ มีทั้งภาษาสเปน ฝรั่งเศส ละติน รวมทั้งภาษามือของอเมริกันด้วย(American Sign Language)



กิจกรรมภายในโรงเรียนที่นักเรียนะได้เลือกเรียนตามความสนใจก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น มวยปล้ำ เบสบอล บาสเก็ตบอล กอล์ฟ กรีฑา วิชากฎหมาย ดนตรีแจ๊ส ชมรมร้องเพลง เป็นต้น




***San Luis Obispo เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมที่สวยงาม โดยตั้งอยู่ระหว่างเมือง Los Angeles และเมือง San Francisco เลียบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่สวยงาม โดยทั้งสองเมืองนี้สามารถไปถึงกันได้โดยใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น


School Website : http://www.slcusd.org/
School Facebook Pagehttps://www.facebook.com/SLCUSD